วัฒพล สมจิตต์

อดีตนักบริหารความเสี่ยง

การทำความเข้าใจธรรมชาติของสิ่งที่เราลงทุน ก็จะไม่เซอร์ไพร์สเวลาตลาดลงหนัก  เรารู้ว่าสามารถจัดการกับมันได้ง่ายๆ ด้วยการลงทุนระยะยาวมากๆ กับ Global ETF ​ผลตอบแทน 41.20%

#รีวิวJittaWealth
ทางลัดสู่การลงทุนอย่างมีหลักการ

การลงทุนในกองทุนดัชนี ไม่ได้สร้างผลตอบแทนที่น้อยอย่างที่คิด วันนี้เราจะมีพอร์ตดีๆ  ของคุณวัฒพล สมจิตต์ อดีตนักบริหารความเสี่ยงองค์กร ที่ลงทุนใน ใน Global ETF มาตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2563 ด้วยความเชื่อมั่นในการลงทุนระยะยาวผ่านกองทุนดัชนีในตลาดหุ้นสหรัฐฯ​ และหมั่นเติมพอร์ตอยู่เสมอ ผ่านมา 3 เศษก็ได้เห็นตัวเลขผลตอบแทนที่ระดับ 41.20% (ณ วันที่ 22 เมษายน 2567) สูงกว่า MorningStar Global 80/20 ในช่วงเวลาเดียวกันที่ 24.08%

“นักบริหารความเสี่ยง” หลายคนฟังแล้วอาจจะฟันธงไปว่า นักลงทุนที่อยู่ในอาชีพนี้ไม่น่าจะมีความกล้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงหรือสร้างผลตอบแทนได้สูงนักหรอก  แต่สำหรับคุณวัฒพล อดีตนักบริหารความเสี่ยงองค์กร กลับสามารถเกษียณตัวเอง หันหลังให้กับงานประจำในบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด ตั้งแต่อายุ 47 ปี  หลังจากพบว่า Wealth ที่มีอยู่ มากเพียงพอที่จะไม่ต้องการรายได้จากงานประจำอีกแล้ว  

อิสระภาพทางการเงินที่มาเร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งใจไว้ว่าจะเกษียณตอนอายุ 50 ปี ไม่ใช่สำหรับตัวเองเท่านั้นยังครอบคลุมไปถึงคนข้างหลังด้วย เขาคำนวนแล้วว่าสินทรัพย์ทางการเงินที่ครอบครัวมีอยู่เพียงพอสำหรับภรรยาและลูกสาวให้อยู่ต่อไปได้ในวันข้างหน้าอย่างไม่ต้องเดือดร้อน ​ และที่สำคัญคือความ “ง่าย” ในการทำความ

เข้าใจ ที่เขาเชื่อว่าการลงทุนต้องทำให้ง่ายและไม่สลับซับซ้อนมากจนคนทั่วๆ ไปไม่สามารถทำความเข้าใจได้  ดังนั้นแม้จะมีการกระจายการลงทุนที่หลากหลาย แต่ก็เชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการต่อได้อย่างไม่ยุ่งยาก โดยเฉพาะพอร์ตที่ลงทุนไว้กับ Jitta Wealth ที่สามารถเข้าไปดูและจัดการได้บนสมาร์ทโฟน

ผ่านมาถึงวันนี้รวมเวลา 8 ปีที่ออกมาเป็นนักลงทุนเต็มตัว ตื่นมาไม่ต้องเร่งรีบฝ่าการจราจรเข้าออฟฟิศไปทำงาน มีเวลาให้กับการติดตามข่าวสารการลงทุนในแต่ละวัน และมีวินับในการอัพเดทพอร์ตตัวเองตลอดเวลา

“ปรัชญาทางการลงทุน เราเป็นนักลงทุนระยะยาวก็จริง แต่พฤติกรรมเป็นแบบลงทุนรายวันดูพอร์ตเหมือนคนเล่นรายชั่วโมง เพราะถ้ามีเวลาเราก็อยากรู้ว่าสถานะปัจจุบันของเราอยู่ตรงไหน เพื่ออัพเดทพอร์ตใหญ่เมื่อตลาดมีการเปลี่ยนแปลงด้านราคาก็จะเอามาอัพเดทใน Excel Sheet ของตัวเองตลอดเวลา  ลงทุนแล้วหายหน้าไปเลย 1-2 ปีก็มาปรับสัดส่วนซะที” คุณวัฒพลบอกเล่าถึงนิยามการลงทุนของตนเอง

จุดเริ่มต้นการลงทุน

เส้นทางการลงทุนของคุณวัฒพลเริ่มต้นราว 30 ปีที่แล้ว หลังจากเรียนจบปริญญาตรีและเริ่มต้นทำงานในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ในช่วง 2 ปีแรกก็เริ่มซื้อๆ ขายๆ หุ้นแบบไม่มีหลักการ จนไปเรียนปริญญาโทที่แคนาดา กลับมาปี 2539 ก็เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินเก็บเล็กๆ น้อยๆ จากนั้นไม่นานก็เกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ซึ่งก็ยังดีที่เป็นมือใหม่ทำให้เสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ดัชนีตลาดหุ้นไทยเวลานั้นปรับตัวลดลงจาก 800 จุด ลงมาเหลือ 200 จุด คุณวัฒพลก็ซื้อหุ้นรายตัวเก็บสะสมมาเรื่อยๆ เลือกจากธุรกิจที่เข้าใจ ผู้บริหารมีจริยธรรม แล้วก็ถือลงทุนยาว  หุ้นไทยหลายตัวก็ยังถือมาจนทุกวันนี้ 

ในช่วง 2 ปีแรกของการลงทุน คุณวัฒพลเล่าว่า ได้เข้าไปซื้อหุ้นตัวนึง เพราะเห็นว่าราคาปรับลดลงไปติด Floor แล้ว แต่หลังจากนั้นหุ้นดังกล่าวก็ร่วงไปแตะ Floor อีกรอบจนเขาต้องรีบขายเมื่อเห็นว่าขาดทุนไป 1 ใน 3 เพียงวันเดียว 

อีกบทเรียนคือการเก็งกำไรใน SET50 Index futures ที่ทำให้ค้นพบว่าไม่เหมาะกับการลงทุนในสินทรัพย์ที่ราคาเปลี่ยนแปลงรวดเร็วแถมมีอัตราทดชนิดที่กำไรหรือขาดทุนได้หลายเท่าของเงินลงทุน เขาได้เรียนรู้ว่า เป็นการลงทุนที่ทำให้จิตใจตัวเองไม่นิ่งพอประกอบกับบุคลิกที่เป็นคนที่ต้องคิดรอบคอบ จึงอาจไม่ทันกับการเก็งกำไร 

“เราเป็นคนคิดช้า ต้องคิดให้รอบคอบก่อนค่อยตัดสินใจและจะไม่ตัดสินใจบ่อยด้วย การตัดสินใจแต่ละครั้งต้องดูให้มีผลกับพอร์ตใหญ่ของเราทุกครั้ง เมื่อการตัดสินใจไม่รวดเร็วพอ  สุดท้ายก็เลิกไปและขาดทุนจำนวนนึง แต่เราลงทุนแบบนั้นเพียงครั้งเดียวก็เลิก เพราะพยายามไม่ทำอะไรผิดซ้ำสอง”

ด้วยความเป็นคนเก็บเงินเก่ง เมื่อครั้งที่ประเทศไทยเริ่มมีการจัดตั้งกองทุนลดหย่อนภาษีคุณวัฒพลก็ซื้อเต็มแม็กซ์ ไม่ว่าจะเป็น RMF LTF และ SSF ก็ซื้อสูงสุดตามเกณฑ์ที่รัฐบาลให้สิทธิ  เช่นเดียวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลงทุนเต็มจำนวนที่บริษัทให้สิทธิเช่นกัน และเลือกนโยบายที่เน้นลงทุนหุ้นในสัดส่วนสูงสุดเท่าที่จะสามารถเลือกได้ เพราะมองเป้าหมายว่าเป็นการลงทุนระยะยาวมากกว่าการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีที่คุณวัฒพลถือว่าเป็นของแถม รวมๆ แล้วรายได้ที่เข้ามา​เขาปันมาลงทุนแล้ว 50% เลยทีเดียว 

ช่วงแรกๆ การลงทุนของคุณวัฒพลอยู่ในหุ้นไทยทั้งหมด จนกระทั่งเริ่มมีกองทุน RMF ที่มีทางเลือกไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศจึงเริ่มขยับเข้าไปสู่กองทุนดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐมากขึ้น

จนกระทั่งมาเจอกับ  Jitta Wealth เมื่อ 3 ปีก่อนผ่านโซเชียลมีเดียก็ตัดสินใจลงทุนใน Global ETF (เติบโต) เพราะชอบในกรอบแนวคิดในการลงทุนที่มีรูปแบบและกฎเกณฑ์ชัดเจนแบบ Passive อิงกับดัชนีตลาดหุ้น ซึ่งตรงกับแนวทางของตนเอง และยังมีทางเลือกในการลงทุนผ่าน ETF ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ ETF ดัชนีตลาดหุ้นอีกหลายแห่ง​ค่าธรรมเนียมบริหารจัดการต่ำ   มีระบบการเปิดบัญชี การซื้อขายและการติดตามผลดำเนินงานง่ายผ่านแอปบนมือถือ​ 

“Jitta Wealth เป็นกองทุนสไตล์ Passive Investment ลงทุนในหุ้นต่างประเทศแบบที่เราชอบ​ และค่าฟีก็ค่อนข้างต่ำ ระบบการเปิดบัญชีซื้อขายผ่านแอพที่เราคุ้นเคยและดูง่าย โดยเฉพาะ Global ETF ที่ตรงกรอบคิดเรา มีการกระจายการลงทุนได้ดี ทั้งหุ้นและตราสารหนี้   เปิดพอร์ตครั้งแรกเริ่มแค่ 1 แสนบาท เพราะแอบกลัวว่าจะโดนหลอกหรือเปล่า โอนเงินไปโดยไม่ได้พูดคุยกับพนักงานเลยสักคน แต่มาถึงตอนนี้ก็มั่นใจขึ้นเรื่อยๆ เลยเติมมพอร์ตเรื่อยๆ ยังไม่เคยไถ่ถอนแม้แต่ครั้งเดียวจนเวลานี้เรียกว่ามีสัดส่วนพอสมควรในพอร์ตรวมไปแล้ว”

ทำไมถึงมั่นใจในการลงทุนระยะยาว

การได้ไปเรียนปริญญาโทด้านการเงินที่แคนาดา ทำให้คุณวัฒพลได้ซึมซับกรอบคิดการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investment) หลังจากที่ได้ศึกษาพื้นฐานการลงทุนที่ว่าด้วยเรื่องของผลตอบแทนคาดหวัง (Expected Return) กับความเสี่ยง (Risk)  2 สิ่งที่ต้องจัดการให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้มากที่สุดอีกทั้งยังถูกปลูกฝัง เรื่องการกระจายความเสี่ยง รวมถึงแนวคิดที่ว่าความผัวนผวนที่เกิดช่วงสั้นก็จะหายไปได้จากการลงทุนระยะยาว ซึ่งกรอบคิดการลงทุนเหล่านี้เขาพยายามสร้างเป็นหลักการลงทุนไว้ในใจให้ชัดเจน และให้มีอยู่อย่างมั่นคง

ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นก็เหมือนการลงทุนทำธุรกิจ คุณวัฒพลเน้นซื้อหุ้นจำนวนน้อยตัวในบริษัทที่มีความรู้จักดีว่าทำมาหากินและสร้างกำไรได้อย่างไรในระยะยาว รวมถึงเจ้าของและผู้บริหารต้องมีธรรมภิบาลด้วย  และมั่นใจว่าบริษัทเหล่านี้จะยังคงเป็นผู้นำทางธุรกิจไปอีกนานแสนนาน นับเป็นสิบๆ ปีข้างหน้า​  

ปัจจุบันพอร์ตหุ้นไทยของคุณวัฒพลยังคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของพอร์ตรวม โดยส่วนนึงจะอยู่ในรูปของกองทุนประหยัดภาษีที่ซื้อเอาไว้ ซึ่งก็คงไม่ทำอะไรได้มาก เพราะต้องถือจนครบอายุ  และอีกสัดส่วนใหญ่อยู่ในหุ้น 4-5 ตัวหลักที่ลงทุนซื้อสะสมมาอย่างยาวนาน ในวันนี้หุ้นเหล่านี้ก็ยังสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง​

“เรา​ไม่คาดหวังกับหุ้นไทยเท่าไร แม้หุ้น 4-5 ตัวที่ถืออยู่มานานจะทำกำไรเติบโตเรื่อยๆ แต่ตลาดหุ้นไทยไม่ไปไหนแล้ว โอกาสที่จะได้ Capital Gain เพิ่มขึ้น คงเป็นไปได้ยาก เราถือในฐานะที่เรารู้จักหุ้นที่ดี ก็กินปันผลไป ไม่ได้คาดหวัง Capital Gain มากนัก”

ด้วยความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจการเงินเป็นอย่างดี และมีการติดตามข่าวสารอยู่เสมอ ทำให้ในช่วงหลายปีมานี้พอร์ตของคุณวัฒพลค่อยๆ ขยับสัดส่วนไปสู่การลงทุนต่างประเทศมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เริ่มจากเปลี่ยนกองทุน RMF ที่เลือกนโยบายที่ลงทุนหุ้นต่างประเทศมากขึ้น และการลงทุนกับ Jitta Wealth ยังมีอีกส่วนที่เขาลงทุนเองผ่านกองทุนดัชนีหรือ ETF มุ่งเน้นตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก เพราะเชื่อว่าสหรัฐฯ จะเป็นผู้ชนะในระดับโลกได้ในระยะยาว 

เขามองว่าการซื้อกองทุนดัชนี​แล้วรับผลตอบแทนระดับกลางๆ น่าจะดีกว่าการลงทุนในหุ้นโดยตรง  ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ผลตอบแทนระดับกลางๆ จากกองทุนนดัชนีก็สามารถเอาชนะผลตอบแทนจากมืออาชีพได้ด้วยในระยะยาว และด้วยแนวคิดนี้ ปัจจุบัน เขามีสัดส่วนการลงทุนในกองทุนดัชนีคิดเป็น 1ใน 3 ของพอร์ตแล้ว

“ที่เน้นต่างประเทศเพราะเราลงทุนระยะยาว 10-15 ปี  และเมื่อมองระยะยาวแล้วเมืองไทยสู้ไม่ได้   ตลาดสหรัฐฯ น่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่า เพราะการซื้อขายก็มีประสิทธิภาพมากกว่า การติดตามข่าวสารก็ทำได้รวดเร็วแล้ว​​ และหากมองอนาคตที่โลกขับเคลื่อด้วยเทคโนโลยี  ซึ่งสหรัฐฯถือว่าเป็นแถวหน้าในอุตสาหกรรมนี้ จึงเชื่อว่าจะเติบโตได้อีกมาก”  

เหนือไปกว่าการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ เวลานี้คุณวัฒพลกำลังสนใจการลงทุนในตราสารหนี้อีกด้วย เพราะความเสี่ยงน้อย (ไม่นับความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน) และอีกส่วนที่จะไปคือ High Yield Bond ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นอีกด้วย  

เทคนิคจัดการอารมณ์เมื่อตลาดแพนิก

ประสบการณ์การลงทุนตลอด 30 ปี ได้เห็นตลาดหุ้นขึ้นและลงมาหลายวิกฤติ ต่อให้เก่งแค่ไหน จะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ อย่างล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญวิกฤติโควิด-19 พอร์ตที่เคยคิดว่ากระจายความเสี่ยงไว้อย่างดีแล้ว แต่เมื่อทุกสินทรัพย์ร่วงลงทั่วโลก ผลตอบแทนสินทรัพย์บางตัวก็ลงจากจุดสูงสุดมากกว่า 50%  คุณวัฒพลยอทรับว่าก็มีรู้สึกเซ็งๆ บ้างเมื่อเปิดพอร์ตมาดู  แต่การจัดการอารมณ์เวลาผลตอบแทนลงลงฮวบฮาบ หรือติดลบหนัก สำคัญที่การทำความเข้าใจตั้งแต่ต้นก่อนการลงทุน ว่าเรากำลังจะนำเงินไปลงทุนอะไร ธรรมชาติของมัน

เป็นเช่นไร ถ้ามันมีความผันผวนสูงอยู่เป็นธรรมชาติ เราก็ต้องตระหนักตั้งแต่ต้นทางว่า เรามีโอกาสจะเจอความผันผวนในเชิงลบได้รุนแรงมากแค่ไหนระหว่างทาง แต่หากรู้ว่าลงทุนอะไรอยู่ก็จะเชื่อว่าอีกไม่นานก็ผ่านไป  ด้วยหลักการนี้ เขาจึงยังกินอิ่มนอนหลับได้ วันไหนขี้เกียจก็ไม่ต้องเปิดดูพอร์ต 

“การที่พอร์ตของเรากำลังผันผวนรุนแรง หรือแม้กระทั้งกำลังติดลบหนัก แต่เราก็ยังกินอิ่มนอนหลับได้เฉกเช่นปกติ เพราะเราเข้าใจธรรมชาติของสิ่งที่เรากำลังลงทุนอยู่ เราจึงไม่เซอร์ไพร์ส  และรู้ว่า เราสามารถจัดการกับมันได้ง่ายๆ โดยการถือลงทุนระยะยาวมากๆ”

ที่สำคัญเขายังได้เรียนรู้ว่า พอร์ตลงทุนแบบเดิมในจังหวะเช่นนี้อาจจะมีสภาพคล่องน้อยเกินไป ไม่พอที่จะซื้อเพิ่มเติมได้ดังใจในบางจังหวะเหมาะ หลังๆ เขาจึงปรับกลยุทธ์เพิ่มสัดส่วนการถือสภาพคล่องไว้ 0-20%  ขึ้นกับมุมมองตลาดช่วงนั้น  จากเดิมที่ที่เน้นลงทุนทั้ง 100%

และสำหรับพอร์ตลูกรักของคุณวัฒพลหนีไม่พ้น Global ETF(เติบโต) เพราะเชื่อมั่นในอัตราผลตอบแทนที่สอดคล้องกับความเสี่ยงในการลงทุน ในหุ้นทั้งตลาดและมีส่วนผสมของตราสารหนี้ในระยะยาว โดยปล่อยให้พอร์ต Global ETF นี้ ขึ้นลงบ้างตามธรรมชาติที่จะต้องเป็นในระยะสั้นแต่จะสามารถเติบโตไปได้เรื่อยๆ ในระยะยาว ยาวนับเป็นสิบๆ ปี ข้างหน้า

เป้าหมายการลงทุนแรกของคุณวัฒพล คือ “อิสรภาพทางการเงิน” ก็ได้บรรลุไปแล้วตั้งแต่ 8 ปีก่อนจากวินัยการลงทุนที่มีมา​  ​ส่วนเป้าหมายปัจจุบัน คือ การเติบโตของพอร์ตลงทุนรวมในอนาคตข้างหน้าให้ไปถึงมูลค่าหนึ่งที่เขากำหนดไว้ในใจ แต่เป้าหมายระยะสั้นคือการทำผลตอบแทนของพอร์ตได้ปีละ 5-10% ต่อปีโดยเฉลี่ย ซึ่งก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก เพราะเป็นการลงทุนระยะยาวๆ 

เงินเติบโตด้วยกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth

ลงทุนอย่างสบายใจ กำไรอย่างยั่งยืน

สนใจลงทุน

เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

คุณอภิศิลป์ ตรุงกานนท์

สิ่งที่ผมชอบ คือมันมีเหตุผล มีหลักการ ที่มาที่ไป

คุณอภิศิลป์ ตรุงกานนท์

Chief Product Officer ของเว็บไซต์ Pantip

คุณคงเดช กี่สุขพันธ์

เพราะรู้จักตัวเองอย่างดี จึงจัดการความเสี่ยง ด้วยเทคโนโลยีที่ไว้ใจ

คุณคงเดช กี่สุขพันธ์

เจ้าของเพจ kafaak

นายแพทย์ ชาคร จันทร์สกุล

ถ้าซับซ้อนแปลว่าไม่ใช่

นายแพทย์ ชาคร จันทร์สกุล

อายุรแพทย์สมอง และระบบประสาท

คุณสุรนาม พานิชการ

ให้สำเร็จด้วยการฟังและข้อมูล

คุณสุรนาม พานิชการ

ผู้ปลุกปั้นน้ำเต้าหู้ ‘โทฟุซัง’

คุณเฟื่องลดา-สรานี สงวนเรือง

ความสุขและความสำเร็จบาลานซ์ได้ในโลกที่หมุนด้วยเทคโนโลยี

คุณสิทธินันท์ พลวิสุทธิ์ศักดิ์

ความมั่นคงเป็นความสำเร็จ แต่ชีวิตต้องบาลานซ์ไปด้วย

คุณสิทธินันท์ พลวิสุทธิ์ศักดิ์

ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเอเจนซี Magnetolabs

ดูทั้งหมด