#รีวิวJittaWealth
ทางลัดสู่การลงทุนอย่างมีหลักการ

เดินหน้าสร้าง Passive Income ด้วย Jitta Wealth

การสร้างความมั่นคงทางการเงินของแต่ละคน ต่างก็มีวิธีการที่แตกต่างกันไปตามไลฟ์สไตล์ ​แต่สำหรับบางคนที่ไม่ได้มีความรู้ทางด้านการเงินมากนัก อาจจะต้องเลือกใช้เครื่องมือการลงทุนที่มีประสิทธิภาพมาช่วยดูแลพอร์ตลงทุนให้งอกเงย เช่นเดียวกับคุณวรรณา เจริญวัฒนะ  เจ้าของธุรกิจก่อสร้างของครอบครัว ที่พยายามเก็บเงินเพื่อลงทุนสร้างความมั่งคั่งในอนาคต

พอร์ตลงทุนของคุณวรรณาใน Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ สร้างผลตอบแทนได้ดีเหนือตลาด โดยตั้งแต่ต้นปี 2566 มาถึง 26 พฤศจิกายน 2566  ผลตอบแทนอยู่ที่ 32.49% เทียบกับ S&P 500 index ในช่วงเวลาเดียวกันที่สร้างผลตอบแทนได้เพียง 20.52% เรียกว่า Jitta Ranking ชนะขาด

ทั้งๆ ที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปีนี้ดูเหมือนจะมีข่าวร้ายกดดันทั้งจากการเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed การล้มละลายของ SVB แต่พอร์ต Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ ของคุณวรรณาก็ยังขยับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเป็นอย่างไร ปัจจัยเหล่านี้ไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของเธอมากนัก  

ด้วยความที่ทำงานกับครอบครัวในธุรกิจก่อสร้าง ไม่ได้อยู่ในแวดวงการเงินการลงทุน และเธอเองก็ไม่ได้มีความรู้ด้านการเงิน หรือติดตามข่าวสารการลงทุนมากนัก มีเพียงความมุ่งมั่นที่จะเก็บออมเงินไว้สำหรับอนาคต ทุกๆ ครั้งเมื่อเก็บเงินได้สักก้อน เธอจะหาที่ทางให้เงินก้อนนั้นไปงอกเงย ทั้งการลงทุนในหุ้นรายตัว หรือกองทุนระยะสั้น

“เราทำงานในกิจการครอบครัว  มีรายได้เข้ามา หากเราเก็บเป็นเงินสดวันนึงใช้ไปก็หมดไป เราจึงต้องเก็บเงินไว้ในที่ที่มันใช้ยากขึ้น เก็บตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง”

เส้นทางลงทุนก่อนจะรู้จัก Jitta Wealth 

คุณวรรณาลงทุนมานานแล้ว แต่ก่อนหน้านี้รูปแบบการลงทุนคือการลงทุนแบบ ‘ตามเพื่อน’ ใครบอกว่าอะไรดีก็ลงทุนตามหมด  โดยที่ไม่ได้มีความรู้มากนัก ​เมื่อมีเงินก้อนก็คิดหาที่ลงทุนไปเรื่อยๆ และโยกเงินลงทุนบ้างบางจังหวะ

โดยมีหลักการลงทุนง่ายๆ คือการเก็บเงินลงทุนระยะยาว ในสินทรัพย์ที่ไม่เสี่ยงมากเกินไป ​

จนกระทั่งได้มารู้จักกับ Jitta Wealth จากการฟังคลิปใน Youtube และรู้สึกว่าเป็นแนวคิดการลงทุนของ Jitta Wealth เป็นแนวคิดที่ดี มีที่มาที่ไป โดยเฉพาะการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย (DCA) ที่จะช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนได้ แต่ด้วยส่วนตัวของเธอเอง รายได้ที่เข้ามาจะมาเป็นช่วงๆ ทำให้เธอมองว่าการลงทุนแบบ DCA อาจจะไม่เหมาะกับเธอ

หลังจากวันนั้น คุณวรรณาจึงตัดสินใจเริ่มต้นลงทุนใน Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ และ  Jitta Ranking หุ้นไทย ตั้งแต่ 26 ธันวาคม 2562

“หลังจากฟัง Youtube แล้วเราก็ดูว่ามันเป็นไปได้  ดีกว่าเราไปลงทุนเองโดยไม่มีความรู้ เราไม่คิดอะไรมาก อย่างน้อยเราก็ไม่รู้สึกว่ามันเสี่ยงมาก และฟังแนวคิดแล้วรู้สึกโอเค ก็ลงทุนไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ลงทุนเพื่อว่าสักวันนึงจะเหมือนเก็บค่าเช่า เป็น Passive income”   

พอร์ตลูกรักคือ Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ 

วันนี้พอร์ต Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ กลายเป็นพอร์ตลูกรักของเธอ เพราะเปิดมาก็ได้เห็นตัวเลขผลตอบแทนสวยๆ ให้ชื่นใจตลอดเวลา

แต่กว่าจะเห็นพอร์ตสวยงามเช่นนี้ คุณวรรณาก็เคยมีประสบการณ์หวั่นไหวไปกับพอร์ตสีแดง เช่นในช่วงแรกที่ลงทุนใน Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ร่วงแรงหลังวิกฤติโควิด-19 เธอยอมรับว่าแอบหวั่นไหวอยู่บ้างว่า คิดถูกหรือเปล่าที่ลงทุนไป แต่เมื่อเชื่อว่ามันต้องดี ก็ปล่อยวาง และเลือกที่จะไม่ฟังข่าวสารอะไรมากนัก เพราะตระหนักดีว่าการลงทุน ไม่ว่าอย่างไรย่อมต้องมีความเสี่ยง  

เธอมองว่า โลกการลงทุนคือความไม่แน่นอน สิ่งที่ดีในวันนี้ เมื่อถึงพรุ่งนี้อาจจะไม่ดีแล้วก็ได้ ดังนั้นเธอจะไม่เข้าไปดูพอร์ตให้บ่อยมากนัก

“การดูพอร์ตบ่อยแล้วยังไง ถ้าดีก็ดีได้กำไรไป แต่ถ้าเดือนหน้าเปิดมาติดลบแล้วยังไงต่อ ถ้าอย่างนั้นแล้วเราจะดูไปทำไม ก็เลยเลือกที่จะนานๆ เปิดดูที อย่าง Jitta Wealth เราก็ดูจากใบรายงานที่บริษัทส่งให้รายเดือนเท่านั้นพอ”​

ใช้เงินเย็นลงทุน ใจก็เย็นได้แม้ตลาดเดือด

แต่ในปีนี้บททดสอบจิตใจของเธอก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อตลาดหุ้นไทยตกลงรุนแรง แม้พอร์ต Jitta Ranking หุ้นไทยของเธอไม่ได้เสียหายมาก เรียกว่ายังพอทรงตัวอยู่รอดได้ แต่หุ้นรายตัวที่เธอเคยซื้อ ‘ตามเพื่อน’ ก่อนหน้านี้ก็ติดอยู่ หุ้นจำนวนมากไม่สามารถขายออกได้ทัน แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เธอหมดใจกับหุ้นไทยพอสมควร แต่ด้วย Mindset ในการลงทุนระยะยาว ทำให้เธอมองข้ามเหตุการณ์ช่วงสั้นไปได้ และที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เธอไม่ร้อนอกร้อนใจ เพราะเงินที่นำมาลงทุนล้วนแล้วแต่เป็นเงินออมที่เธอเก็บสะสมมาจนเรียกว่าเป็น ‘เงินเย็น’ นั่นเอง

“หุ้นไทยที่เราติดอยู่มีเยอะมาก และไม่รู้ว่า 3-4 ข้างหน้าจะฟื้นกลับมาได้หรือไม่ แต่ก็ช่างมันก็ทิ้งมันไว้ ไม่ต้องไปเปิดดู และก็รู้สึกว่าอย่าไปกลุ้มใจกับมันมาก แค่ใช้เท่าที่มี  เพราะเงินที่เอาไปลงทุน เราไม่ได้ใช้เงินร้อน แต่เป็นเงินก้อนที่เราสะสมมา ดังนั้นจะขึ้นก็ช่างมัน ลงก็ช่างมัน หากมีกำไรก็ถอนออกมาบ้าง แต่หากไม่มีกำไร อย่างน้อยมันก็ยังอยู่ตรงนั้น ตอนนี้เราก็ยังมีแรง แค่อาจจะใช้น้อยๆ กินน้อยหน่อย แล้วเก็บหาใหม่ได้”