#รีวิวJittaWealth
กับโลกลงทุนที่เปลี่ยนไป

หากใครอยู่ในกลุ่ม Jitta Wealth Official ใน Facebook อาจจะพอคุ้นหน้าคุ้นตาคุณแบงค์ ปัญจทรัพย์ ธีรพัฒนเกียรติ หรือหลายคนอาจจะเคยเห็นในชื่อ Bank Lizm เจ้าของธุรกิจฟาร์มหมู ธุรกิจของครอบครัว ที่ 24 ชั่วโมงหมดไปกับการดูแลธุรกิจ และไม่เคยมีความรู้เรื่องการลงทุนเลย

แต่อะไรที่ทำให้คุณแบงค์เริ่มติดตามเรื่องการลงทุนมากขึ้นในวันนี้ จนพอร์ต Global ETF ของเขาสร้างผลตอบแทน 27.99% เอาชนะดัชนี Morningstar Global ในช่วงเวลาเดียวกัน (13 มกราคม 2564 – 22 เมษายน 2567) ที่ทำได้เพียง 9.35%

แล้วอะไรที่ทำให้คุณแบงค์เชื่อมั่น วางเงินกว่า 90% ของเงินเก็บทั้งหมดให้ Jitta Wealth ดูแลพอร์ตการลงทุนเพื่อไปถึงเป้าหมายการเงินของตัวเองในวัยเกษียณให้ได้ ลองมาหาคำตอบของคุณแบงค์ได้เลย

จุดเริ่มต้นการลงทุนของคุณแบงค์

เริ่มต้นจากน้องชายที่ศึกษาเรื่องการลงทุน ชวนลงทุนกับธนาคารแห่งหนึ่งเมื่อราว 7 ปีก่อน เราก็เชื่อเพราะไม่มีความรู้ด้านนี้เลย แต่ก็ถอนออกมาปลายปี 2562 น้องชายคนดีคนเดิมก็ชวนกันมาหุ้นกันเปิดพอร์ต Jitta Ranking หุ้นไทย ที่ในสมัยนั้นเริ่มต้นลงทุนที่ 3 ล้านบาท  จึงได้ปิดพอร์ตและโยกเงินมาลงทุนกับ Jitta Wealth หลังจากนั้น ในปี 2563 Jitta Wealth ก็ได้เปิดตัว Thematic DIY จึงได้มาเปิดพอร์ตแรกเป็นของตัวเอง

นั่นคือจุดเริ่มต้นครั้งแรกที่ผมเข้ามาเรียนรู้และสนใจการลงทุนอย่างจริงจัง  เพราะมีโอกาสติดตามการสัมภาษณ์รวมถึง Live ต่างๆ ของคุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth ที่มักจะตอบคำถามและให้แนวคิดการลงทุนอยู่เป็นระยะ หลังจากนั้นไม่นานก็เปิดพอร์ต Global ETF และพอร์ตอื่นๆ ตามมาเรื่อยๆ จนทุกวันนี้มีพอร์ตรวมแล้ว 9 พอร์ต จาก 7 นโยบายลงทุน ประกอบด้วย Jitta Ranking หุ้นไทย หุ้นเทคโนโลยีจีน หุ้นเวียดนาม และหุ้นญี่ปุ่น  Global ETF  ดและ Thematic DIY โดย Global ETF มี 3 พอร์ต คือของตัวเองและลูกทั้ง 2 อีกคนละพอร์ต

กลยุทธ์การลงทุนในแต่ละพอร์ต

ก็มีทั้งที่ลงทุนเป็นก้อนและ DCA  อย่างพอร์ต Thematic Optimize ช่วงปีแรกเราก็ DCA เดือนละ 10,000 บาท แต่พอตลาดเป็นช่วงขาลง และตามนโยบายของแผนนี้คือปรับพอร์ตทุกๆ 3 เดือน ก็เลยลองเปลี่ยนมา DCA ทุก 3 เดือน แต่วงเงินเท่าเดิมคือ 30,000 บาท

ส่วน Global ETF ผมลงทุนเพื่อลดความผันผวน ช่วงแรกๆ ก็มีเพิ่มทุนบ่อยหน่อยเพื่อที่ให้ต้นทุนเท่ากับพอร์ต Thematic หลังจากนั้นก็ DCA เดือนละ 10,000 บาททุกเดือน ผมยังมี Global ETF พอร์ตฝาแฝดของลูก 2 คน ที่ต้องลงพร้อมกัน 2 พอร์ต ตอนแรกตั้งใจว่าจะ DCA ทุกๆ 2 เดือน เดือนละ 10,000 บาท แต่ปีที่แล้วเห็นตลาดเป็นขาลงก็อดใจไม่ได้ เลย DCA ทุกเดือน

แต่หลังจากที่ Jitta Wealth ลดขั้นต่ำการลงทุน จึงปรับกลยุทธ์เป็น DCA ทุกสัปดาห์เลย Optimize กับ Global ETF สัปดาห์ละ 2 พัน ส่วน Global ETF ของลูกๆ สัปดาห์ละ 1,000 บาท และล่าสุดเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเป็นเดือนเกิดของผมเลยถือฤกษ์เปิดพอร์ต Thematic DIY เพิ่มซึ่งพอร์ตนี้ผม DCA ทุก 2 สัปดาห์ ครั้งละ 1,000 บาท

ส่วน Jitta Ranking ก็รอว่าถ้ามีเงินก้อนพอก็ค่อยเพิ่มทุน โดยทุกพอร์ตผมมีเป้าหมายว่าจะมีเงินลงทุน 1 ล้านบาท​มีแค่ Global ETF ที่คิดว่าจะเพิ่มทุนไปเรื่อยๆเลย จนกว่าจะตอนเกษียณ

เราเลือกที่จะ DCA เพราะเราไม่สามารถจับจังหวะเองได้เลย เราไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านนี้ ก็เลือกถัวไปเรื่อย ๆ ได้เงินเดือนมาก็ลงไปเรื่อยๆ  สบายใจ

เป้าหมายในการลงทุน

ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยครับ คือเมื่อเกษียณเราก็อยากมีเงินใช้เป็นรายเดือน  เดือนละ 1 แสนบาท หรือปีละ 1.2 ล้านบาท หากอยู่ไปอีก 20 ปี ก็ประมาณ 24 ล้านบาท ซึ่งตัวเลข 24 ล้านบาทนี้มีความหมาย เราตั้งใจเก็บไว้สำหรับเกษียณจริงๆ เพราะหากมาถึงวันที่เกษียณจริง พอร์ตผมมีมูลค่า 24 ล้านบาทโดยที่ผมยังลงทุนต่อแล้วได้ผลตอบแทนสัก 8% ต่อปี ยึดตามผลตอบแทนคาดหวังจากพอร์ต Global ETF แผนเติบโต 

ผมก็คิดว่าจะถอนแค่ผลตอบแทนออกมาแต่ไม่ใช่ทั้ง 8% เอาแค่  5% เท่ากับ 1.2 ล้านบาทได้ เป็นไปตามแผนเงินใช้ตอนเกษียณเลย ส่วนอีก 3% ก็ให้มันทบต้นต่อไปและกลายไปเป็นมรดกให้ลูกหลาน แต่ถ้าไม่เป็นไปตามนี้เงิน 24 ล้านก็น่าจะพอให้ใช้ชีวิตอยู่ได้อีกประมาณ 20 ปี จึงคิดว่าจะลงทุนไปเรื่อยๆ และไม่ได้มีแผนที่จะขายออกมาเพื่อทำกำไร  

และหากอนาคต Jitta Wealth เปิดนโยบายลงทุนใหม่ เราก็เปิดพอร์ตเพิ่ม เพราะเราก็ไม่รู้ว่าจังหวะไหนประเทศไหนจะมา เราก็จะได้กระจายความเสี่ยง

บอกเล่าถึงพอร์ตลูกรัก

ผมก็ดูพอร์ตของผมทุกวันนะ เราก็มี Global ETF  ที่ค่อยๆ ไปเรื่อยๆ อาจจะมีช่วงขาดทุนบ้างเมื่อปีก่อน แต่ก็กลับมาได้ไว ถ้าจะถามถึงพอร์ตลูกรักก็คงต้องยกให้ Global ETF นี่ล่ะครับ เพราะมีเสถียรภาพ ผันผวนน้อย แต่ถ้าเป็น Thematic Optimize ผลตอบแทนก็ตกลงไปเยอะเหมือนกัน แต่เรายังสบายใจ เพราะรู้ว่ามีสินทรัพย์หนุนหลังอยู่ ก็คือหุ้น หรือกิจการที่เข้าไปลงทุน 

แต่เมื่อเทียบกับการลงทุนในคริปโทเคอเรนซีที่ระหว่างทาง ที่ลงทุนกับ Jitta Wealth ก็ได้ไปทดลองลงทุนมาในช่วงจังหวะเดียวกัน ผลคือขาดทุนมากกว่า 50% แต่เราเรียนรู้ว่าความสบายใจต่างกันเยอะมาก เพราะการลงทุนในคริปโทฯ เราต้องไปคอยความหวัง ศรัทธา หรือการเก็งกำไรอย่างเดียว ทำให้ได้เรียนรู้ว่าเราถูกจริตกับการลงทุนกับ Jitta Wealth มากกว่า  

ชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังจากรู้จักกับ Jitta Wealth

เรื่องนี้ผมเคยคุยกับคุณเผ่า ซึ่งคุณเผ่าแนะนำว่า หากอยากลงทุนแล้วเราสบายใจ นอนหลับได้ นานๆ จะเปิดดูสักทีก็ได้ แต่เรากลับมาคิดว่า ถ้าอนาคตการที่เราจะสอนลูกได้  เราก็น่าจะต้องมีประสบการณ์ก่อน ก็เลยเปิดดูมันทุกวันนี่แหละ ซึ่งก็ยอมรับว่าบางครั้งก็แอบมี ‘ใจแป้ว’ บ้าง แต่ตอนนี้เริ่มชินแล้ว ซึ่งหากเราไม่ได้หาความรู้เรื่องการลงทุนไว้เลย ก็อาจจะเจ็บปวดกว่านี้ 

จากคนที่ไม่รู้เรื่องการเงินเลยทุกวันนี้ต้องหาฟังกูรูด้านการลงทุนสาย VI หลายคน จนติดเป็นนิสัย หันมาเป็นคนที่ใส่ใจเรื่องการลงทุน และเชื่อว่าการลงทุนเป็นเครื่องมือตัวนึงที่ช่วยพาเราไปสู่เป้าหมายการเกษียณสุขได้

นักลงทุนในดวงใจ

จริงๆ ผมฟังหลายคน แต่นักลงทุนในดวงใจที่เป็นแรงบันดาลใจด้านการลงทุน คงต้องให้ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนสาย VI ตัวพ่อของเมืองไทย เพราะบทเรียนจากวิกฤติปี 2540 ที่เป็นจุดร่วมและจุดต่างที่สร้างผลลัพธ์ที่ต่างกัน กล่าวคือในช่วงเวลาดังกล่าวครอบครัวผมเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยเงินลงทุนจำนวนพอๆ กันกับที่ ดร.นิเวศน์ ได้นำเงินไปลงทุน แต่มาถึงวันนี้ผลตอบแทนการลงทุนของ ดร.นิเวศน์ไปไกลกว่ามาก เป็นตัวจุดประกายให้ผมรู้ว่า ‘ความรู้ทางการเงินสำคัญมาก’  

Mindset การลงทุนให้กับเพื่อนนักลงทุน

เอาจริงๆ ลงทุนมา 3 ปีก็ยังไม่เคยผ่านสักรอบ  เจอตลาดดีแค่ปีแรกที่ลงทุน แต่เราคิดว่าที่ผ่านมาได้เพราะเราลงทุนด้วย ‘เงินเย็น’ ที่ไม่ได้คิดว่าจะต้องนำมาใช้ในวันนี้หรือพรุ่งนี้  ซึ่งก็ไม่ใช่ Mindset ที่เลิศหรูอะไรเลย

ส่วนตัวผมเอง จะมองเป้าหมายที่เราตั้งไว้เป็นหลัก แล้วมาดูเครื่องมือที่จะพาเราไปถึงเป้าหมายนั้น ด้วยระยะเวลาที่เหลือ กับเครื่องมือที่มีอยู่ ผมก็เลือก Jitta Wealth นี่แหละ​ ผลตอบแทนอาจจะไม่สูงเหมือนเราไปนั่งเทรดเอง แต่อีกขานึงหากเราไปนั่งเทรดเองแล้วไม่ได้ตามที่เราหวังหรือไม่ดีเท่าที่มีคนอื่นทำให้ แล้วเราจะไปเสี่ยงทำไม เหมือนประสบการณ์การลงทุนในคริปโทฯ ที่ผมแทบไม่ได้นอนเลย

ตอนลงก็ไม่กล้าขาย ส่วนขาขึ้นก็ไม่รู้จะขายตรงไหนดี มันไม่มีเหตุผลทั้งซื้อทั้งขายเลย   

หรืออย่างตอนที่ Thematic Optimize ที่ลงหนักๆ ในปีที่ผ่านมา 

ส่วนตัวผมมองว่า เมื่อวันนึงที่ผลตอบแทนเกินเส้นทุนเมื่อไร ผมก็จะเข้าไปแชร์ให้สมาชิกในห้อง Jitta Wealth Official ได้ดูว่า วันนึงเราจะผ่านมันมาได้ เราเข้าใจบางคนก็กลัวกับการ DCA  ช่วงแรกผมก็เป็นนะ ยิ่งลงยิ่งขาดทุน​ แต่ผมยังได้เห็นจังหวะที่ขึ้นอยู่บ้าง 

ส่วนหนึ่งอาจเพราะพอร์ต Jitta Wealth เปิดง่าย นักลงทุนบางคนอาจจะยังไม่ทันได้ศึกษานโยบายให้ครบถ้วนก็ตัดสินใจเลย เพราะตลาดที่ผ่านมาไปได้สวย  แต่พอตลาดขาลง ผิดหวังก็ถอยออกจากตลาด   ซึ่งผมเสียดายแทนคนที่เพิ่งปิดพอร์ตไปนะ หากรออีกสักนิด ไม่กี่เดือนมันก็ผ่านไปได้แล้ว 

ผมอดนึกถึงคำพูดคุณเผ่าไม่ได้ คุณเผ่าเคยพูดไว้ว่า ไม่มีคนที่ล้มเหลว มีแต่คนที่ล้มเลิก ฉะนั้นตราบใดที่เรายังไม่ล้มเลิก เราจะต้องประสบความสำเร็จ

หลายๆ คนมักผิดหวังและออกจากการลงทุนในช่วงตลาดขาลง แต่ผมอยากจะบอกว่า ให้อดทนรอเพื่อที่ ตอนตลาดกลับมาเป็นขาขึ้น ต้องมีเราอยู่ด้วย

ที่อยากฝากคือ ผมอยากให้ทุกคนตีโจทย์หรือมองวัตถุประสงค์การลงทุนของตัวเองให้แตกว่า กำลังลงทุนเพื่ออะไร เพราะแต่ละคนมีวัตถุประสงค์หรือเหตุผลที่ไม่เหมือนกัน  แต่ทุกคนควรเลือกเครื่องมือที่เหมาะกับวัตถุประสงค์ของตัวเองนะ  

สุดท้ายนี้ Jitta Wealth ขอขอบคุณคุณ แบงค์ที่มาแบ่งปันเรื่องราวความเชื่อมั่นว่าหลักการลงทุนระยะยาวและการลงทุนกับ Jitta Wealth จะนำพาคุณแบงค์ไปสู่เป้าหมายกทางการเงินได้จริง