#รีวิวJittaWealth
ถึงเป็นหมอก็ป่วยได้ ต้องเร่งสร้าง Passive Income เพื่อชีวิตที่อิสระและมีคุณค่า

“หมอหลายคนมักจะทำงานหนักครับโดยที่อาจจะลืมไปว่าอายุร่างกายเพิ่มขึ้นทุกวัน หลายคนเป็นโรค เพราะทำงานหนัก และเครียดตลอดเวลา” 

นี่คือเสียงสะท้อนจากคุณรัฐวิชญ์ สุนทร คุณหมอสูติแห่งหนองคาย ผู้ทุ่มเทกับอาชีพหมอมาตั้งแต่เรียนจบ ทั้งในโรงพยาบาลรัฐ เอกชนและเปิดคลินิกของตัวเอง ใช้ร่างกายสร้างรายได้ให้ตัวเองจนเจอจุดเปลี่ยนชีวิต เมื่อต้องแอดมิทจากการใช้ร่างกายอย่างหนัก

จุดเปลี่ยนที่ว่าคือการพยายามลดการใช้ร่างกายสร้าง Active Income แล้วหันมาให้น้ำหนักกับการสร้าง Passive Income จากการลงทุนแทน และพอร์ตลูกรักของคุณหมอก็คือ Global ETF ที่สร้างผลตอบแทน (TWR) ถึง 42.08% ( 21 กันยายน 2563 – 18 เมษายน 2567) เทียบกับ Morningstar Global ในช่วงเวลาเดียวกันที่ทำได้ 26.66% 

คุณหมอให้นิยาม อาชีพหมอที่ใครๆ ก็คิดว่าสุขสบาย มีร่างกายที่แข็งแรงว่าเป็น ‘กรรมกรชั้นดี’ เพราะต้องใช้แรงทำเงินเพื่อสร้าง Active income เหมือนกัน 

ตั้งแต่เรียนจบ คุณหมอก็ทุ่มเทชีวิตการทำงานในอาชีพที่รัก ตื่นมาทำคลอดกลางดึก ​ยืนผ่าตัดเป็นเวลานาน ร่างกายที่ถูกใช้อย่างหนักและเวลาพักผ่อนน้อย เป็นการสะสมฮอร์โมนความเครียดโดยไม่รู้ตัว 

ในช่วงแรกก็เหมือนคุณหมอทั่วไปที่เมื่อทำงานเก็บเงินได้ก้อนนึง จึงมองหาว่าจะนำเงินออมไปไว้ตรงไหนให้งอกเงย ทั้งฝากประจำและออมทรัพย์ จนเริ่มมีความรู้เรื่องการลงทุนก็เริ่มลงทุนในหุ้นรายตัว และกองทุนรวม กระทั่งได้มารู้จักกับ Jitta ก็ใช้เป็นเครื่องมือในการคัดเลือกหุ้นคุณภาพ ดังนั้นเมื่อ Jitta Wealth เปิดให้บริการกองทุนส่วนบุคคล คุณหมอเริ่มการลงทุนด้วย​ Global ETF และ Thematic DIY ก่อน และ DCA ทุกกองทุนต่อเนื่องทุกเดือน หลังจากนั้นก็ได้มาเปิด Jitta Ranking ตามมาอีกหลายกอง

คุณหมอเล่าถึงการตัดสินใจเปิดพอร์ตกับ Jitta Wealth เพราะเชื่อในการทำงานของ AI ที่น่าจะบริหารพอร์ตลงทุนได้มีประสิทธิภาพมากกว่ามนุษย์ เพราะตัดเรื่องของอารมณ์ออกไป ขณะเดียวกันค่าธรรมเนียมที่ต่ำของ Jitta Wealth แค่ 0.5% เทียบกับกองทุนรวมที่คิด 1.5-1.7% ก็ยังเป็นอีกความแตกต่างที่คุณหมอตระหนักว่า สุดท้ายอาจจะขาดทุนจากค่าธรรมเนียมได้ในระยะยาว

และด้วยอานิสงส์ของการ DCA ทุกเดือน​​ ทำให้พอร์ตของเขาไม่ได้ติดลบมากนัก แม้ตลาดหุ้นจะปรับลดลงอย่างรุนแรง และเมื่อเทียบกับกองทุนรวมที่เขาลงทุนอยู่ พอร์ตที่มีกับ Jitta Wealth ก็ปรับลดลงน้อยกว่ามาก และเมื่อตลาดฟื้นก็สามารถกลับมาเป็นบวกได้เร็วกว่า ดังนั้นเขายังคงเดินหน้า DCA อย่างไม่หวั่นไหว 

นอกจากนี้คุณหมอยังเก็บออมและลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย​ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุนลดหย่อนภาษี กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ ประกันบำนาญ หรือกระทั่งสหกรณ์ออมทรัพย์​

แต่ละผลิตภัณฑ์การเงิน คุณหมอได้วางแผนการออมและการลงทุนเพื่อปิดช่องโหว่ให้กับชีวิต เพราะเป็นหมอก็เกิดอุบัติเหตุได้ หรือเป็นมะเร็งได้เช่นกัน เขาจึงใช้ประโยชน์ของแต่ละผลิตภัณฑ์และบริหารการลงทุนให้ตอบโจทย์กับชีวิตในแต่ละช่วง ทั้งจัดสรรให้เป็นการลงทุนระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ซึ่งแน่นอนว่าการลงทุนกับ Jitta Wealth แทบทั้งหมดเป็นการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะ Global ETF ที่คุณหมอหมายมั่นปั้นมือให้เป็นพอร์ตเกษียณนั้นเอง

“ผมชอบ Global ETF และมองว่าน่าจะเป็นพอร์ตเกษียณได้แน่ๆ เพราะค่อนข้างนิ่ง ไม่แกว่ง ค่อยๆ ไปไม่หวือหวา จากการลงทุนกระจายในสินทรัพย์ทั่วโลก ก็น่าจะโตไปกับโลกเรื่อยๆ ในระยะยาว และเป็นพอร์ตที่ดีที่สุดในเวลานี้​”

ในวัย 30 เศษ หลังจากทำงานหนักจนป่วย​ คุณหมอเริ่มคิดถึงความไม่แน่นอนในการทำงานที่ต้องใช้ร่างกายและสมองของตัวเองสร้างรายได้ หากวันนึงเกิดเหตุไม่คาดคิดที่ทำให้เขาไม่สามารถใช้ร่างกายทำงาน รายได้ก็อาจจะหายไป เขาจึงวางแผนที่จะหลุดพ้นจากวงจร Active Income นี้ไปให้ได้ โดยตั้งเป้าไว้ให้บรรลุได้ภายในอายุ 40 ปี

“มิติด้านการเงินเป็นมิติที่สำคัญมากในชีวิต​ เพราะเราอยู่ในสังคมแบบทุนนิยม ดังนั้นเราต้องจบกับเรื่องเงินให้ได้เร็วที่สุด ถ้าเราจบเรื่องนี้ได้เร็วเราจะมีชีวิตเป็นอิสระอย่างแท้จริง” 

​แผนที่เขาคิดไว้สามารถใช้งานได้จริง ​​ในช่วงที่โลกเผชิญวิกฤติโควิด19 ​รายได้จากการเปิดคลินิกลดน้อยลง แต่คุณหมอก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะมีรายได้จากการลงทุนที่เตรียมไว้ล่วงหน้าเข้ามาหล่อเลี้ยงชีวิตได้อยู่ แต่นั่นก็ตอกย้ำว่าการสร้าง Passive Income เป็นเรื่องที่ตอบโจทย์ชีวิตได้จริง

มาวันนี้เขาเป็นอิสระแล้ว นั่นคือการมี Passive Income ที่มากพอหล่อเลี้ยงชีวิตประจำวันและอนาคตได้อย่างไม่ต้องกังวล อยากทำอะไรก็ทำ อยากช่วยคนที่ด้อยกว่าก็ช่วยได้ เรียกได้ว่าพร้อมสำหรับการเกษียณแล้วนั่นเองและที่สำคัญ เขาสามารถหลุดพ้นตั้งแต่อายุ 37 ปีไวกว่าที่ตั้งใจไว้

“จบเรื่องนี้ได้ไวเพราะเราคิดให้ครบทุกมิติ ปิดทุกช่องโหว่ แล้วที่สำคัญต้องรู้จักคำว่าพอ ไม่ใช่ว่าต้องมี​ร้อยล้าน พันล้านขนาดนั้น”

แม้คุณหมอจะกำลังสร้างสมดุลครั้งใหม่ให้กับชีวิตด้วยการลด Active Income และเพิ่ม Passive Income ทุกวันนี้คุณหมอยังคงทำงานที่รักต่อไปเพื่อเติมเต็มชีวิตและตอบสนอง Passion ของตัวเองที่ได้ดูแลคนไข้ และเป็นการทำงานด้วยความสบายใจ ไม่กดดันว่าต้องเปิดคลินิกหรือรับงานโรงพยาบาลเอกชนเพื่อหารายได้เพิ่ม ยังสามารถไปทำงานด้านอื่นๆ ของโรงพยาบาลที่ไม่เคยทำมาก่อน และมีกำลังพอที่จะช่วยเหลือผู้อื่นได้ตามความจำเป็น

“การเป็นหมอถือเป็นอาชีพที่เรารัก แต่ทุกวันนี้ก็ไม่ต้องมัธยัสถ์หรือกระเบียดกระเสียนเกินไป มีเงินที่ได้จากการลงทุนกลับมาให้ใช้จ่าย โดยไม่ถูกตีกรอบเรื่องการหาเงิน หรือเร่งสร้าง Active Income มากไป สุขภาพเราก็ดีขึ้น มีเวลาออกกำลังกาย ไปพักผ่อน ไปเที่ยว ได้ดูแลพ่อแม่ ​ส่งเสียหลานให้เรียนหนังสือและค่าใช้จ่ายต่างๆ ​ขณะเดียวกันเราก็ยังตื่นมาทำงานทุกวันเพื่อเติมเต็ม Passion ตัวเอง แต่เรื่องเงินจะไม่ได้กดดันเรามากแล้ว​ เป็นการทำงานได้อย่างสบายใจทำในสิ่งที่เราสนใจหรือท้าทายตัวเอง”

พูดได้ว่านิยามคำว่าเกษียณของคุณหมอลึกซึ้งกว่าการลาออกไปอยู่กับบ้านเฉยๆ หรือออกไปเที่ยวทั่วโลก แต่หมายถึงความสามารถที่จะเลือกทำในสิ่งที่อยากทำโดยไม่ต้องมาคิดว่าต้องทำอะไรเพื่อให้ได้เงิน และที่สำคัญสามารถเผื่อแผ่แบ่งปันมุมมองการใช้ชีวิตอย่างสมดุล ทั้งสุขภาพร่างกายและสุขภาพการเงิน และหลักการลงทุนเพื่อสร้าง Passive Income ให้กับคนใกล้ตัว โดยเฉพาะเพื่อนๆ หมอสูติที่มีวงจรชีวิตคล้ายกัน ทำให้ชีวิตมีคุณค่ามากขึ้น 

การวางแผนสร้าง Passive income ของคุณหมอวันนี้ ด้วยการจัดสรรเงินลงทุนระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ​ทำให้ทุกวันนี้คุณหมอมีรายได้จากเงินลงทุนทั้งในรูปเงินปันผลหรือส่วนต่างราคา เข้ามาในระดับใกล้เคียงกับรายได้จากวิชาชีพที่รักแล้ว และเขายังคงเดินหน้า DCA อย่างต่อเนื่องทุกเดือนใน Global ETF ที่ปักไว้ให้เป็นพอร์ตสำหรับใช้ชีวิตในวัยเกษียณ

*ศึกษาข้อมูลนโยบายการลงทุนและผลตอบแทนย้อนหลังของแต่ละนโยบายได้ที่ jittawealth.com

**ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน