นายแพทย์ที่ยัง ‘ค้นหา’ และอยากเพิ่ม ‘เวลา’ ให้ตัวเอง

ผมทำงานเป็นแพทย์อยู่ในโรงพยาบาลชนบทประมาณ 6-7 ปี ระหว่างที่ทำงานก็เริ่มรู้จักพวก Stock Photo รูปถ่าย ภาพถ่าย
ซึ่งมันเป็นภาพที่มีลิขสิทธิ์และ สามารถสร้างรายได้แบบ Passive Income ให้ได้
ดังนั้น เสาร์-อาทิตย์ผมก็แบ่งเวลามาให้งานนี้ จนถึงจุดหนึ่งที่รายได้ของการทำ Stock Photo มันมากกว่ารายได้ของแพทย์
แล้วผมก็เริ่มคิดหนักกับทางเลือกในชีวิต คือผมรักอาชีพแพทย์นะ แต่อาชีพแพทย์ก็เป็นอาชีพที่มีความกดดันหลายอย่าง
ไม่ค่อยได้ดูแลสุขภาพ แถมยังมีเวลาเป็นของตัวเองน้อย

ผมก็เลยตัดสินใจลาออกจากงานแพทย์ที่ทำประจำมาเป็นฟรีแลนซ์ ในขณะเดียวกันก็ทำงานถ่ายภาพ ขายรูป Stock Photo จริงจังขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้ผมมีอิสระมากขึ้นและมีเวลามากกว่าเดิม ได้ไปหาประสบการณ์อื่นๆ ที่อยากทำ ได้มีเวลาออกกำลังกายมากขึ้น ได้ดูแลตัวเองและได้อ่านหนังสือเยอะขึ้นด้วย

ค้นหาการลงทุนที่เหมาะกับตัวเองที่สุด

ตอนเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ ประสบการณ์ความรู้ยังไม่ค่อยมากนัก ผมรู้จักแค่เรื่องออมเงิน ไม่ได้ลงทุนในอะไรเลย พอมีประสบการณ์ รู้มากขึ้นก็เริ่มศึกษาเรื่องการลงทุนทั้งหุ้นแล้วก็คริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งก็ลงทุนแบบไม่ค่อยมีความรู้ มีเจ็บตัวบ้างกำไรบ้างปนๆ กันไป แล้วเริ่มมาศึกษาเรื่องการลงทุนแบบ VI ซึ่งเริ่มพอเข้าใจในหลักการเบื้องต้น เพราะได้อ่านหนังสือและศึกษาจากคลิปใน YouTube ผมได้ลงเรียนคอร์สหุ้นแต่ก็ยังปฏิบัติไม่ค่อยได้ มันเหมือนกับว่ายังรู้ไม่จริงและยังศึกษาลงลึกไปไม่มากพอ พอต้องอ่านข้อมูลเยอะๆ เริ่มรู้สึกว่ามันก็ไม่ใช่ตัวเรา

ผมเริ่มขี้เกียจที่จะไปศึกษาหุ้นแบบละเอียดที่ต้องอ่านข้อมูลเชิงลึก จนได้มีโอกาสไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า ‘เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโครต’ ที่มีการอธิบายเรื่องของ Jitta หลังจากนั้นก็เข้าไปศึกษาข้อมูล ดูคลิปทุกคลิปใน YouTube เลยเพื่อให้เข้าใจการทำงานของ Jitta จริงๆ

เทคโนโลยีไม่มีอารมณ์ความรู้สึก มีแต่ข้อมูลตัวเลขที่วัดค่าได้

ข้อดีของ Jitta คือมันวิเคราะห์หุ้นได้ทั้งโลกในชั่วพริบตาเดียว แล้วก็ทำให้เห็นโอกาสลงทุนที่ดีกว่าขึ้นกว่าเดิม
เพราะถ้าลงทุนเอง คงวิเคราะห์ได้ไม่เยอะ และคงใช้อารมณ์จนทำให้ตัดสินใจผิด แต่พอเป็น AI วิเคราะห์ คือ มันไม่มีอารมณ์ร่วม
มันจะตัดสินตามข้อมูลและเหตุผลอย่างเดียวเลย

จากที่เคยศึกษาเรื่องการลงทุนแบบ VI มันเป็นข้อมูลแบบกระจัดกระจาย แต่ Jitta ช่วยจัดเรียงความรู้เหล่านั้น สรุปให้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น แล้วก็ทำให้เข้าใจหลักของ VI มากขึ้นด้วย

แม้ว่าตอนแรกผมจะไม่ได้เชื่อมั่นใจ Jitta แบบเต็มร้อย แต่ก็ศึกษา ลอง Monitor และลองลงทุนดูว่า Jitta ปรับพอร์ต
และกระจายความเสี่ยงยังไง สุดท้ายก็มั่นใจว่าหลักการแบบ Jitta มันกระจายความเสี่ยงในระยะยาวได้
แล้วก็ทำให้พอร์ตโตในระยะยาวได้

การที่ผมลาออกมาพยายามสร้างรายได้แบบ Passive Income เพราะว่าต้องการมีเวลาเป็นของตัวเอง
ถ้าต้องมาปวดหัวหรือเสียเวลาไปกับการลงทุนด้วยตัวเอง มันก็ไม่ตอบโจทย์นั้นแล้ว ดังนั้น Jitta Wealth จึงตอบโจทย์ตรงที่ว่า
มันไม่ต้องเข้าไปศึกษาข้อมูลลึกๆ ทุกหุ้น ทุกตลาด เพียงแต่ต้องเข้าใจภาพรวมกว้างๆ แล้วก็ปล่อยให้ระบบของเทคโนโลยีทำงานไป